4 วิธีต้มผักที่จะทำให้เสียคุณค่าสารอาหารน้อยที่สุด

ขึ้นชื่อว่า “ผัก” เชื่อว่าทุกคนยกให้เป็นอาหารที่ปฏิเสธในประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ไม่ได้อย่างแน่นอน แต่การที่จะรับคุณค่าสารอาหารของผักทั้งหลายให้ได้เต็มที่ กรรมวิธีการปรุงคือสิ่งสำคัญ และความร้อนคือตัวการสำคัญที่ทำให้คุณค่าสารอาหารลดลง

แต่เพราะบางครั้งก็เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องทำให้ผักสุกก่อนกิน จึงต้องนำผักไปต้มหรือลวกก่อน ซึ่งหากต้องการให้เสียคุณค่าสารอาหารในปริมาณที่น้อยที่สุด ลองทำตาม 4 วิธีต่อไปนี้ค่ะ

วิธีที่ 1 : ใช้น้ำพอดีกับผัก

ใช้น้ำให้น้อยที่สุดในการต้มหรือลวกผัก เพื่อช่วยลดปริมาณวิตามินที่จะละลายไปอยู่ในน้ำที่ใช้ต้ม ซึ่งปริมาณที่เรียกว่ากำลังดี คือ แค่ท่วมปริมาณผักที่จะต้มก็พอ เพราะน้ำยิ่งน้อยก็จะเสียคุณค่าสารอาหารน้อยลงไปด้วย

วิธีที่ 2 : ผักใบเขียวอย่าต้มนาน

ยิ่งผักใบเขียวต้องอยู่ในน้ำร้อนนานๆ จะยิ่งทำให้วิตามินที่อยู่ในผักหายไปมากขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้นในการต้มหรือลวกผักใบเขียว จึงควรต้มน้ำให้ร้อนเดือดด้วยไฟแรงแล้วจึงใส่ผักลงไป จากนั้นปิดฝาหม้อ เมื่อน้ำเดือดอีกครั้งปิดไฟแล้วตักขึ้นทันที

วิธีที่ 3 : พืชกินหัวให้ต้มทั้งหัว

ในกรณีที่เป็นผักหัวอย่างแครอท ไชเท้า บีทรูท หรือมันสำปะหลัง ให้นำไปต้มทั้งหัว ไม่ควรหั่นหรือฝานก่อน โดยเทคนิคสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำควบคู่กันไปคือ ต้มน้ำให้เดือดก่อน จากนั้นหรี่ไฟให้อ่อนลง แล้วจึงนำผักหัวที่เตรียมไว้ลงไปต้มทั้งแบบไม่ต้องหั่นไม่ต้องฝาน เพราะการหั่นหรือการฝาน เสมือนการเปิดประตูให้สารอาหารออกไปได้มากขึ้น ยิ่งคุณหั่นหรือฝานผักหัวชิ้นเล็กมากเท่าไหร่ การสูญเสียสารอาหารก็มีมากเท่านั้น

วิธีที่ 4 : อยากต้มปริมาณมากให้แบ่งทำทีละน้อย

แม้ต้องการกินผักต้มหรือผักลวกในปริมาณมากๆ ก็ไม่ควรนำผักทั้งหมดลงไปต้มพร้อมๆ กันเด็ดขาด เพราะยิ่งผักมีปริมาณมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งใช้เวลาต้มนานมากขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงการที่ผักจะต้องลงไปแช่อยู่ในน้ำร้อนเป็นเวลานาน ก็จะยิ่งทำให้ผักสูญเสียคุณค่ามากขึ้นยังไงละคะ

แต่ในกรณีของเมนูผักที่นำมาทำเป็นแกงจืด แกงเลียง การกินน้ำซุปคู่กันไป จะทำให้ร่างกายได้รับคุณค่าสารอาหารจากผักกลับคืนมาทางหนึ่ง เพราะวิตามินต่างๆ จะละลายอยู่ในน้ำที่ต้มนั่นเอง