สีส้มยั่วใจ กิน มะละกอสุก ตอนไหนก็สุขใจทุกที

KC Fresh เคยนำเสนอบทความเกี่ยวกับ ‘มะละกอ’ ไปแล้ว 2 บทความ นั่นก็คือ ‘มะละกอ “สุก” และ “ดิบ” กินได้ทั้งนั้นถ้ากินถูกตามตำรา’  และ ‘“มะละกอ” จะดิบจะสุกก็ปรุงได้’ แต่เรื่องราวของมะละกอยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะวันนี้เราจะมาเล่าถึงคุณงามความดีของมะละกอสุกสีส้มแสนสวยให้รู้มากขึ้น

แต่ก่อนที่เราจะไปรู้เรื่องมะละกอสุก KC Fresh ขอย้ำถึงความดีของการกินมะละกอให้รู้สักนิด เพราะมะละกอดิบที่นำไปตำส้มตำหรือทำแกงส้มไม่ได้ให้แค่ความอร่อยและเข้ากันได้ดี แต่ยังแฝงฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยขับลม แถมยังช่วยขับปัสสาวะได้ด้วย ซึ่งแน่นอนว่า คุณสมบัติที่ว่าก็ถ่ายทอดมาถึงยามที่มะละกอลูกเขียวกลายสภาพมาเป็นมะละกอสุกเนื้อสีส้มๆ ซึ่ง...ยิ่งสุกยิ่งมีประโยชน์! 

เนื้อมะละกอสุกอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีชื่อว่า เบต้าแคโรทีน และมีวิตามินเอ วิตามินซี รวมถึงสารอาหารต่างๆ อีกเพียบ ถ้ากินมะละกอสุกบ่อยๆ ในปริมาณที่ถูกต้อง สิ่งที่ร่างกายจะได้รับคือ

  • บำรุงสายตา : เพราะมีเบต้าแคโรทีนยังช่วยต้านอนุมูลอิสระและเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ซึ่งเป็นวิตามินที่สำคัญต่อการทำงานของจอประสาทตาและการมองเห็น โดยเฉพาะในตอนกลางคืน
  • ต้านมะเร็ง : ต้องบอกตรงนี้ว่า มะละกอสุกมีส่วน “ต้าน” มะเร็ง (แต่ไม่ใช่รักษามะเร็ง) นั่นเพราะมีเบต้าแคโรทีน สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันเซลล์ร้ายเกิดขึ้นกับร่างกาย ทั้งนี้ สีแดงอมส้มที่พบในมะละกอสุกแสดงว่า มะละกอสุกมีสารไลโคพีนซึ่งเป็นสารช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก
  • เพิ่มกากอาหาร : เนื้อมะละกอสุกมีไฟเบอร์สูงและมีน้ำย่อยธรรมชาติทำหน้าที่กำจัดคราบโปรตีนที่ร่างกายย่อยไม่หมดออกไป และมีสารเพกตินเคลือบกระเพาะและลำไส้ มาพร้อมสรรพคุณที่ช่วยให้กากอาหารมีมากขึ้นจนไปกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัว
  • สร้างภูมิต้านทาน : ความที่มะละกอมีสารอาหารที่สำคัญค่อนข้างมาก เมื่อรวมกันแล้วจึงมีส่วนช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยให้ไม่ป่วยได้ง่าย และระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมนุษย์จะเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนที่ได้จากมะละกอสุกเป็นวิตามินเอและซี ทำให้การกินมะละกอเป็นประจำอาจลดความถี่การเกิดไข้หวัดและการติดเชื้อในช่องหูได้
  • ลดอาการเลือดออกตามไรฟัน : วิตามินซีแบบจัดเต็มในเนื้อมะละกอสุกมีส่วนสำคัญในการป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้อย่างมาก

KC Fresh ขอปิดท้ายด้วยเคล็ดลับการกินมะละกอสุกให้ได้ประโยชน์สูงสุดอีกนิดนั่นคือ

  1. ควรเลือกมะละกอสีเหลืองอมเขียว เนื้อเรียบ ขั้วยังดูสด ไม่แห้ง มีน้ำหนักมาก เพราะจะเป็นมะละกอที่คงคุณค่าทางสารอาหารไว้เยอะ เนื้อเยอะ และแน่นกว่า
  2. เวลาจะกิน ควรหั่นแค่เพียงส่วนที่จะกิน อย่าปอกทั้งลูก เพราะหากกินไม่หมดคุณค่าทางสารอาหารมะละกอก็จะลดน้อยลงไปด้วย
  3. อย่าลืมล้างมะละกอก่อนหั่นและปอกเปลือก แต่ไม่ต้องล้างน้ำซ้ำ เพราะจะทำให้รสชาติมะละกอเพี้ยนไป จืด ไม่อร่อย