6 ชนิดผักสีเหลือง-สีส้มหากินได้ในบ้านเรา

ถ้าคุณคิดว่าผักสีเหลือง-สีส้มหากินยากเหลือเกินในบ้านเรา KC Fresh ต้องขอบอกว่า ไม่ยากอย่างที่คิด แถมยังมีประโยชน์ไม่แพ้สีไหน ซึ่งถ้าเป็นกลุ่มผลไม้ ก็ลองนึกถึงผลไม้ที่เมื่อสุกแล้วเป็นสีเหลืองและสีส้มดูสิคะ เพราะสารสีเหลือง-สีส้มเป็นตัวบอกว่าผลไม้สุกพร้อมกินแล้วหรือยัง แต่ถ้าเป็นกลุ่มผักละก็...ดูตามบทความนี้ที่เราลิสต์รายชื่อผักสีเหลือง-สีส้มมาให้แล้ว

ทำความรู้จักสารสีเหลือง-สีส้มก่อนกิน

สารที่ว่านี้ มีชื่อเรียกว่า “แคโรทีนอยด์ (Carotenoid)” เป็นสารที่ละลายในไขมันที่มีโมเลกุลใหญ่และร่างกายไม่สามารถดูดซึมเอาไปใช้งานได้ทันที จึงต้องมีการเปลี่ยนสภาพกันก่อน นั่นคือเมื่อแคโรทีนอยด์เข้าสู่ร่างกายแล้วจะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอที่ตับ จากนั้นกระบวนการดูดซึมในร่างกายจะเปลี่ยนวิตามินเอเป็นสารเรตินอล (Retinol) และเรติโนอิกแอซิด (Retinoic acid) ซึ่งมีขนาดโมเลกุลที่เล็กลงทำให้ร่างกายดูดซึมไปใช้งานได้สบายๆ

 

แคโรทีนอยด์ไม่ได้มีแค่ประเภทเดียว แถมประโยชน์ยังต่างกันออกไป

            มีการวิจัยจนพบว่าแคโรทีนอยด์มีมากมายหลายชนิด แต่มีเพียง 3 ชนิดเท่านั้นที่มีประโยชน์ต่อร่างกายคนเรา นั่นคือ

  • แอลฟาแคโรทีน (Alpha-carotenoid) ช่วยลดความเสื่อมของดวงตา ปกป้องตับ ปอดจากอนุมูลอิสระ
  • เบต้าแคโรทีน (Beta carotene) ช่วยยับยั้งสารอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด เส้นเลือดสมองตีบ กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ป้องกันโรคต้อกระจก ยับยั้งการเกิดเซลล์มะเร็ง
  • คริบโตแซนทีน (Cryptoxanthin) ช่วยป้องกันมะเร็งปากมดลูก โดยมีการวิจัยหาระดับคริบโตแซนทีนในเลือดพบว่าผู้หญิงที่เป็นมะเร็งปากมดลูกมีระดับสารนี้ต่ำกว่าผู้หญิงที่ไม่ได้เป็นมะเร็งปากมดลูก

 

แคโรทีนอยด์มีอยู่ในผักอะไรบ้าง

อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า ถ้าให้นึกถึงผลไม้สีเหลือง-สีส้ม ก็เพียงนึกถึงผลไม้ที่สุกก็จะคิดชนิดออก แต่ถ้าบอกว่า ผักละคะ พอจะนึกออกกันบ้างหรือยัง ถ้ายังนึกไม่ออกมาดูลิสต์ที่เราเตรียมไว้ให้เลย

 

ข้าวโพดอ่อน : อุดมไปด้วยกรดนิโคตินิก ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระในร่างกายและทำให้ผิวเรียบเนียน สามารถบริโภคหรือใช้กับผิวหนังได้ นอกจากนี้ยังป้องกันอาการคันและระคายเคืองได้ด้วย

พริกหยวกสีเหลือง :  นอกจากจะเป็นแหล่งไฟเบอร์และสารต้านอนุมูลอิสระที่สุดยอดแล้ว พริกหยวกสีเหลืองยังมีโฟเลตและวิตามินซีเพียบ ซึ่งหากรู้สึกว่ากินยากเหลือเกินเพราะอาจไม่คุ้นเคยกับกลิ่น อาจนำไปปรับเป็นเมนูพริกยัดไส้แล้วนำไปทอดหรือนึ่ง เพื่อให้พริกหยวกผ่านกระบวนการปรุงจะได้กินง่ายขึ้น

มันฝรั่งสีเหลือง : นอกจากจะกินอิ่มท้องหรือบางคนกินแทนข้าวในบางมื้อ มันฝรั่งสีเหลืองยังเต็มไปด้วยสารอาหารมากมาย รวมทั้งวิตามินซีและบี 6 ไนอาซิน กรดแพนโทธีนิก แมงกานีสและฟอสฟอรัส ซึ่งเข้าไปช่วยสร้างโครงสร้างเยื่อหุ้มเซลล์ให้แข็งแรง

ฟักทอง : ฟักทองปรุงสุก 1 ถ้วย มีวิตามินเอมากกว่า 200% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน ซึ่งช่วยในเรื่องการมองเห็น นอกจากนี้ยังมีวิตามินซีที่ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันและป้องกันโรคหวัด และฟักทองยังเป็นตัวช่วยสำคัญในการผลิตคอลลาเจน ช่วยให้ผิวนุ่มและเรียบ พร้อมกันนี้ยังมีแหล่งไฟเบอร์ที่ช่วยในการลดน้ำหนัก

เลม่อน : ไม่เพียงแต่มีคุณสมบัติในการต่อต้านแบคทีเรีย แต่เลม่อนยังมีวิตามินซีและกรดซิตริกที่ไม่ว่าจะนำไปกินหรือบำรุงผิวก็ช่วยให้ผิวนุ่มและสว่างขึ้น แถมยังมีฟลาโวนอยด์ที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต้านมะเร็ง ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน ท้องผูก ความดันโลหิตสูง

แครอท : ขาดไม่ได้เลยก็แครอทนี้ล่ะค่ะ และน่าจะเป็นคำตอบแรกที่หลายคนนึกถึงเมื่อพูดถึงผักที่มีสีเหลือง-สีส้ม โดยในแครอทนั้นขึ้นชื่อว่ามีเบต้าแคโรทีนสูงถึง 8,285 ไมโครกรัม จึงช่วยในการมองเห็น ทำให้ดวงตามีประสิทธิภาพดี และมีส่วนในการชะลอความเสื่อมของจอประสาทตา เซลล์ลูกตา รวมถึงความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกและโรคตาบอดกลางคืนได้ด้วย

 

หลังจากนี้หากนึกอยากกินผักที่มีสีเหลือง-สีส้ม หรืออยากได้ผักสีนี้ไว้ตกแต่งจาน ก็ไม่ต้องคิดนานกันแล้วนะคะ เพราะนอกจากสีสันสวยๆ ที่ได้ ผักแต่ละชนิดที่เราลิสต์มาฝาก ยังมีคุณค่าสารอาหารเพียบ

 

ข้อมูล : https://www.healthline.com/, https://health.mthai.com/, https://food.ndtv.com/ และ http://www.pikool.com/