พักสายตาไม่พอ ต้องบำรุงด้วย 11 ผักกินแล้วตาปิ๊ง

ในยุคที่โซเชียลมีเดียมาแรงแบบนี้ สิ่งที่ตามมาติดๆ แบบไม่ทันตั้งตัวคือ อาการสายตาล้า ซึ่งเป็นประตูเปิดทางให้สายตาที่เคยดีมีความเบลอ นานวันเข้าก็กลายเป็นสั้นไปซะอย่างนั้น หรือบางคนอายุเข้าเกณฑ์ก็แอบมีสายตายาวสายตาเอียงเข้าไปอีก ไหนจะเรื่องวุ้นในตาเสื่อมที่เกิดจากการเพ่งจอนานในความมืด เรียกว่าสารพัดปัญหาสายตาจะถาโถม

แต่ในเมื่อยังคงต้องจ้องจอและใช้สายตาอยู่ สิ่งที่พึงกระทำนอกเหนือไปจากการเว้นวรรคพักสายตาคือ การบำรุงสายตาด้วยการเลือกกินผักที่มีวิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 12 วิตามินซี วิตามินอี เบต้าแคโรทีน ที่ส่งตรงคุณค่าไปยังดวงตา ไม่ว่าจะเป็น...

ผักบุ้ง : อันดับหนึ่งในใจของใครหลายคนเมื่อถามถึงผักที่กินแล้วบำรุงสายตาก็คือ ‘ผักบุ้ง’  เพราะอุดมไปด้วยวิตามินบำรุงสายตามากมาย ทั้งวิตามินเอที่ช่วยให้จอประสาทตามองเห็นในตอนกลางคืนได้ดี วิตามินซีและเบต้า-แคโรทีน ที่ช่วยบำรุงจอประสาทตา นอกจากนี้วิตามินในผักบุ้งยังช่วยเสริมสร้างระดับกลูต้าไธโอนช่วยป้องกันการเกิดต้อกระจกได้ด้วย

แครอท : พูดถึงแครอทก็ต้องนึกถึงเบต้าแคโรทีน วิตามินเอและลูทีน ที่ป้องกันไม่ให้เซลล์ดวงตาถูกทำลายจากแสงแดดและรังสีอันตรายต่างๆ ทั้งยังช่วยส่งเสริมการทำงานของจอประสาทตาไม่ให้ดวงตาเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร

ตำลึง : ในตำลึงมีเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารกลุ่มคาโรทีนอยด์ทำหน้าที่กรองแสงให้กับดวงตา ป้องกันไฟเบอร์ของเลนส์ตาจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการถูกออกซิไดซ์ด้วยแสง ป้องกันการเกิดต้อ เบต้าแคโรทีนเป็นสารที่เปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้ จัดเป็นสารกลุ่มคาโรทีนอยด์ที่มีประสิทธิภาพการทำงานดีที่สุด

คะน้า : หลายคนไม่เคยรู้มาก่อนว่า คะน้ามีวิตามินซีและเบต้าแคโรทีน ซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอที่มีผลต่อการบำรุงสายตา เสริมสร้างสุขภาพผิวพรรณและต้านทานการติดเชื้อไปคราวเดียวกัน

ฟักทอง : ไม่ว่าปรุงฟักทองเป็นเมนูไหน คุณค่าของฟักทองก็ยังคงอยู่ โดยเฉพาะในเรื่องการบำรุงสายตา  เพราะในฟักทองมีสารลูทีนป้องกันการเสื่อมของจุดหรือแสงสีของเรตินา และมีวิตามินเอบำรุงสายตา ซึ่งว่ากันว่า 1 ถ้วยตวงของฟักทองบด ให้วิตามินเอสูงถึง 200% เลยทีเดียว

กระถิน : ผักหาง่ายใกล้ตัวสุดๆ ชนิดนี้มีสรรพคุณในเรื่องบำรุงสายตาไม่แพ้ผักชนิดไหน เพราะกระถินอุดมไปด้วยวิตามินเอที่ช่วยในการทำงานของจอประสาทตา

ผักโขม : ผักอีกชนิดที่ไม่ได้มีดีแค่นำไปปรุงได้ทั้งเมนูอาหารไทยและอาหารฝรั่ง แต่คุณค่าสารอาหารมีให้เต็มๆ ทั้งวิตามินเอ ลูทีน ซีแซนทีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่พบในจุดรับภาพที่จอประสาทตาและเลนส์ตา อีกทั้งผักโขมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยป้องกันการอักเสบของเซลล์ บำรุงดูแลสายตาให้มีประสิทธิภาพ

กะหล่ำดอก : วิตามินซีไม่ได้มีอยู่แค่ในส้มเท่านั้น แต่ในกะหล่ำดอกยังมีวิตามินซีสูง จึงช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในจอประสาทตา และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงหลอดเลือดฝอย ทำให้เลือดไหลเวียนไปยังจอประสาทตาและเลนส์ตาได้ดีขึ้น

บล็อกโคลี : ไม่อยากให้ตาเกิดต้อกระจกและเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมต้องกินบล็อกโคลี เพราะมีลูทีนและซีแซนทิน สารที่พบในจุดรับภาพที่จอประสาทตาและเลนส์ตา

หน่อไม้ฝรั่ง : จัดว่าเป็นผักที่อุดมไปด้วยวิตามินบำรุงสายตา เพราะมีทั้งวิตามินเอช่วยในการมองเห็นตอนกลางคืนและวิตามินอีบำรุงจอประสาทตา

พริกหยวก : บางคนอาจเรียกพริกหยวกว่าพริกหวาน และเลือกกินแค่สีใดสีหนึ่งอย่างที่ใจชอบ แต่ไม่ว่าจะเป็นสีเขียว สีแดง หรือสีเหลือง ก็อุดมไปด้วยวิตามินเอและวิตามินซีที่ช่วยบำรุงสายตาและป้องกันการเกิดต้อกระจก นอกจากนี้ยังมีวิตามินบี 6 ลูทีน ซีแซนทีน เบต้าแคโรทีน และไลโคปีน เสริมทัพในการช่วยดูแลสุขภาพดวงตาแบบเต็มๆ  

 ชอบผักชนิดไหนเลือกจัดไปในเมนูแต่ละมื้อ รับรองว่า จะช่วยบำรุงสายตาและชะลอการเกิดโรคทางสายตาได้ไม่มากก็น้อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องไม่ลืมเรื่องของการพักสายตาทุก 2 ชั่วโมง หลังการจ้องจอคอมพิวเตอร์หรือมองจอมือถือ นอกจากนี้หากแสงสว่างแวดล้อมไม่เพียงพอ การปรับระดับความสว่างหน้าจอให้ลดลง เพื่อให้แสงสว่างพอดีกับสายตา ก็เป็นอีกทางที่ช่วยถนอมสายตาได้เช่นกัน