ต้มให้เต่ง “ข้าวโพดหวาน” แสนอร่อย

แม้มนุษย์ไม่ใช่สัตว์ฟันแทะอย่างกระรอกกระแต แต่ถ้าจะกินข้าวโพดหวานให้ฟิน ก็ไม่พ้นหยิบมาแทะทั้งฝักใช่ไหมค่ะ แต่ลองคิดดูนะคะว่า ถ้าหยิบมาแล้ว ข้าวโพดหวานฝักนั้นยังไม่สุกดี หรือสุกเกินไป ความอร่อยและได้อารมณ์จากการแทะจะลดลงไปมากแค่ไหน

KC Fresh จึงเสาะหาเทคนิคการต้มข้าวโพดหวานมาฝาก และขอบอกเลยนะคะว่า การต้มข้าวโพดหวานเนี่ย ไม่ยากไม่ง่าย ถ้ารู้เทคนิคละก็ ต้มข้าวโพดหวานได้สวยงามและสุกพอดีกินแน่นอน

ก่อนจะมารู้ว่า ต้มข้าวโพดหวานให้สุกพอดีกิน และต้มให้สวยงามน่ากินต้องทำอย่างไร มารู้ถึงประโยชน์ของข้าวโพดหวานกันหน่อยเป็นไงคะ

  • เปี่ยม “คาร์โบไฮเดรต” ข้าวโพดหวานต้ม 100 กรัม มีแป้ง 21 กรัม และน้ำตาล 4.5 กรัม นั่นเท่ากับว่า แค่ครึ่งฝักก็เหมือนกินข้าวสวย 1 ทัพพีเลยนะคะ เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากให้ร่างกายได้รับพลังงานมากเกินไป ต้องเลือกนะคะว่า มื้อนั้นจะกินข้าวโพดหรือกินข้าวสวย
  • มากล้น “เส้นใยอาหาร” ข้าวโพดหวานต้ม 1 ฝัก จะมีเส้นใยอาหารประมาณ 2.4 กรัม ถ้าเปลี่ยนไปเป็นข้าวโพดคั่ว 112 กรัม จะมีเส้นใยอาหารประมาน 16 กรัม คิดเป็น 42% ของปริมาณที่ร่างกายผู้ชายต้องการ/วัน และ 64% ของปริมาณที่ร่างกายผู้หญิงต้องการ/วัน
  • “วิตามินและแร่ธาตุ” ไม่มีพร่อง ข้าวโพดหวานมีวิตามินบีที่ช่วยให้ร่างกายนำสารอาหารประเภทไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีนไปใช้ และมีวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตาและเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น
  • มาพร้อม “สารต้านอนุมูลอิสระ” ช่วยป้องกันหรือยับยั้งความเสียหายของเซลล์ที่เกิดขึ้นจากอนุมูลอิสระ อันเป็นปัจจัยก่อโรคต่างๆ

สำหรับเทคนิคการต้มข้าวโพดนั้นไม่ยาก สิ่งที่ต้องคำนึงคือ การไม่ใส่เกลือตอนที่ต้ม! อ่ะๆ อย่าเพิ่งทำหน้าเหวอ เพราะข้าวโพดหวานที่คุ้นเคยมักมีรสชาติเค็มๆ นั่นเพราะนำไปแช่น้ำเกลือทีหลังค่ะ แต่สิ่งที่ต้องเติมตอนที่ต้มคือ “น้ำตาล” เพราะจะช่วยให้ฝักข้าวโพดหวานที่ต้มนั้นเต่งตึง

สูตรการต้มแค่เตรียมน้ำ 1 ลิตร ใส่น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ แล้วจึงวางเรียงข้าวโพดดิบลงไป โดยให้น้ำในหม้อท่วมฝัก เมื่อน้ำเดือดก็กะเวลาต้มไปราวๆ 10 นาที จึงนำขึ้นจากหม้อ จากนั้นจะนำไปกินเลยหรือทำเมนูอื่นๆ ก็ตามแต่ที่ตั้งใจ

ส่วนถ้าใครอยากแทะทั้งฝัก แบบมีรสเค็มนิดๆ ก็นำไปแช่น้ำเกลือเท่านั้นเอง