ปรุงต่างรสชาติเปลี่ยน “มะเขือเทศ” หลากชนิดที่ควรรู้จัก

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับมะเขือเทศที่คนส่วนใหญ่รู้และคุ้นเคยก็คือ ในมะเขือเทศนั้นมีวิตามินซี ไลโคปีน เบต้าแคโรทีน และสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่เพราะว่าในโลกใบนี้ไม่ได้มีแค่มะเขือเทศเพียงแค่ 1-2 พันธุ์ KC Fresh จึงหามาให้ว่ามะเขือเทศหน้าตาแปลกๆ ที่อาจจะเจอบ้างในบ้านเรา หรือต้องไปถึงเมืองนอกเมืองนากว่าจะได้เห็นมีอะไรบ้าง

อ้อ...แอบกระซิบบอกตรงนี้ว่า หน้าตาของมะเขือเทศที่ต่างกัน แบ่งเป็นรูปทรงกลม, รูปทรงพลัมและแพร์, รูปทรงเชอร์รี่มีผลเล็กกลมและรูปทรงองุ่น แต่ละรูปทรงมีรสสัมผัสและรสชาติต่างกันไป แต่จะปรุงอะไรแบบไหนเหมาะ ไปดูกันเลยค่ะ

มะเขือเทศเชอร์รี่ (Cherry Tomatoes)

มะเขือเทศลูกเล็กๆ พอเหมาะพอเจาะและพอดีคำ เวลากัดเข้าไปสัมผัสได้ถึงความชุ่มฉ่ำ บวกกับความสดกรอบสามารถนำไปกินเป็นของว่าง, เป็นหนึ่งในผักที่หลากหลายในชามสลัด สำหรับเมนูไทยๆ อย่างเมนูยำหรือต้มยำก็นิยมนำไปใส่เป็นวัตถุดิบประกอบ และถ้าวันไหนจัดปาร์ตี้บาบีคิว ขอบอกเลยว่า มะเขือเทศราชินีต้องมีติดทุกไม้

มะเขือเทศองุ่น (Grape Tomatoes)

จิ๋วลงไปอีกแบบครึ่งต่อครึ่งก็มะเขือเทศองุ่นนี่ล่ะค่ะ แถมรูปทรงออกยาวๆ และมีน้ำไม่มาก บางคนก็เลยนำไปกินเป็นของกินเล่นซะเลย แต่ KC ขอแนะนำแบบส่วนตัวให้รู้นิดนึงว่า ถ้านำมะเขือเทศองุ่นทั้งลูกใส่ไปในน้ำเงี้ยวจะให้รสชาติอร่อยไปอีกแบบ โดยเฉพาะยามที่ตักน้ำเงี้ยวพร้อมเคี้ยวมะเขือเทศองุ่นในปาก

มะเขือเทศโรม่า (Roma Tomatoes)

มะเขือเทศชนิดนี้เด่นที่มีรสหวาน ให้เนื้อสัมผัสเหนียวนุ่ม ขนาดของผลจะใหญ่กว่ามะเขือเทศราชินี นิยมนำไปทำเป็นซอสมะเขือเทศ หรือมะเขือเทศกระป๋อง ไม่ว่าจะเป็นซอสแบบละเอียดหรือแบบเนื้อหยาบๆ แต่ที่ถือว่าใช้บ่อยมากๆ ในบ้านเราคือ ใส่ในน้ำเงี้ยวแบบบดให้แหลกเบาๆ พอให้เห็นเนื้อเวลาตักกินค่ะ

มะเขือเทศสเต็ก  (Beefsteak Tomatoes)

มาถึงมะเขือเทศหน้าตาแปลกๆ ที่ตอนแรกดูไปแล้วลังเลว่านี่คือพริกหวานสีแดงหรือเปล่า เพราะรูปทรงของมะเขือเทศสเต็กไม่เนียนสักนิด แถมลูกยังใหญ่ ให้เนื้อแน่น คนที่นิยมกินแซนวิชหรือเบอร์เกอร์ก็เลยหั่นเป็นแว่นๆ แล้วนำไปใส่ในแซนวิชกับผักและเนื้อสัตว์ที่ชอบ ประมาณว่าแว่นเดียวคุ้ม!

มะเขือเทศแอร์ลูม (Heirloom Tomatoes)

ขอยกตำแหน่งมะเขือเทศหลากสีให้กับมะเขือเทศพันธุ์นี้ เพราะมะเขือเทศแอร์ลูมมีขนาดและสีที่แตกต่างกัน ตั้งแต่สีเหลืองอ่อน สีเขียว สีม่วงแดง รวมไปถึงสีม่วงแดงเข้ม ให้รสชาติที่หวานๆ เค็มๆ เหมาะสำหรับทำซอส บรรจุกระป๋อง หรือกินสดๆ

มะเขือเทศเถาวัลย์ (Tomatoes on the vine)

เป็นมะเขือเทศที่พบได้บ่อยที่สุด เพราะปลูกและดูแลง่าย ให้ผลใหญ่ เนื้อแน่น นิยมหั่นบางๆ ใส่ในแซนวิช และบรรจุกระป๋องหรือทำซอส แต่ถ้าเมื่อไหร่นำมาขายสดๆ ก็มักจะขายทั้งเถาเพื่อช่วยยืดอายุการเก็บรักษา

มะเขือเทศสีเขียว (Green Tomatoes)

มะเขือเทศที่หั่นง่ายสุดๆ เพราะมีเนื้อแน่น ให้รสชาติเปรี้ยวเล็กน้อยเหมาะสำหรับบรรจุกระป๋อง ทำซอส ทำเครื่องปรุง และเพราะขึ้นชื่อว่าเป็นมะเขือเทศสีเขียว ดังนั้นเวลาสุกก็ไม่แดงเหมือนพันธุ์อื่นๆ แต่ยังคงความเขียวนี้อยู่อย่างชัดเจน นั่นเพราะยังมีระดับของสารอัลคาลอยที่สูง ทำให้ย่อยยากและอาจจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ก่อนจะกินควรมั่นใจว่า สุกแล้วแน่ๆ

ปิดท้ายสวยๆ ตามสไตล์ KC Fresh ที่จะขอบอกว่าวิธีการเก็บรักษามะเขือเทศที่ทำตามไม่ยากคือ แนะนำให้เก็บมะเขือเทศไว้ที่อุณหภูมิห้อง เพราะจะรักษารสชาติและเนื้อสัมผัสได้ดีที่สุด แต่หากมะเขือเทศของคุณคือ มะเขือเทศสีเขียวที่ยังไม่สุกให้คว่ำก้านลงในถุงกระดาษหรือในกล่องกระดาษแข็งชั้นเดียว วางในที่เย็นจนมะเขือเทศเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่ถ้าเป็นมะเขือเทศที่สุก ควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง ห่างจากแสงแดด โดยวางห่างกันแบบวางด้านข้างขึ้น และควรบริโภคภายใน 2-3 วัน

และถ้าเป็นมะเขือเทศสุกที่ผิวสัมผัสแดงมาก ควรเก็บไว้ในตู้เย็นเท่านั้น เพราะอากาศเย็นจะช่วยไม่ให้มะเขือเทศสุกมากขึ้นและอยู่ได้อีก 3 วัน ก่อนกินให้นำออกจากตู้เย็นและทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องนะคะ

 

ข้อมูลจาก : https://www.britannica.com, www.healthline.com

ภาพจาก hy-vee.com