มันฝรั่ง เก็บไว้ได้นานแต่ต้องดูแล

หลังจากที่เคยรู้จักกับ ‘มันซุป’ จากบทความ “มันซุป ต่างยังไงกับ มันฝรั่ง” ไปแล้ว วันนี้ KC Fresh ขอนำเรื่องของมันฝรั่งมาให้รู้กันต่อเกี่ยวกับเรื่องของการเก็บมันฝรั่งที่หากว่าซื้อแล้วกินไม่หมดยังเก็บต่อได้นะคะ

นั่นเพราะมันฝรั่งขึ้นชื่อว่าเป็นผักที่เก็บไว้ได้นานพอสมควร หากว่าเทียบกับผักชนิดอื่นๆ หรือแม้แต่ในกลุ่มผักหัวด้วยกันเอง แต่แม้จะมีคุณสมบัติความอึดที่ว่านี้ ก็ไม่ได้แปลว่า จะเก็บที่ไหน ยังไงก็ได้นะคะ ยิ่งถ้าอยากเก็บให้ได้นาน ต้องดูแลด้วยวิธีต่อไปนี้ค่ะ

 

คัดแยกแล้วค่อยเก็บ

ไม่ว่าจะเป็นมันฝรั่งพันธุ์ไหน จะซื้อจากซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาดสดหรือสั่งออนไลน์ เมื่อมาถึงบ้านแล้วควรคัดกรองสักหน่อย เพราะระหว่างขนส่งอาจมีการกระทบกระเทือนจนเกิดตำหนิอย่างเลี่ยงไม่ได้ ลองตรวจดูว่ามีหัวไหนที่ผิวแตก มีรอยช้ำ หรือมีรอยตำหนิที่มองเห็นได้ หัวที่ว่าควรรีบนำมาปรุงอาหารก่อนเพื่อน แล้วเลือกลูกสวยๆ เก็บไว้

ทั้งนี้ การนำหัวที่มีตำหนิมาปรุงก่อน ก็ไม่ควรเกิน 1-2 วันนับจากวันที่ซื้อนะคะ และควรแยกเก็บกับหัวสวยๆ เพราะหัวที่มีตำหนิ นำมาซึ่งเชื้อโรคได้ เมื่อถึงเวลาที่จะนำมาปรุงอาหาร อย่าลืมตัดส่วนที่มีตำหนิหรือไม่สวยออกไปก่อนนำไปใช้

 

เก็บให้เหมาะสม

พื้นที่และสภาพแวดล้อมในการเก็บมันฝรั่งหัวงามๆ ก็ต้องใส่ใจนะคะ คือต้องไว้ในที่แห้ง ไม่โดนแสง เพราะปัจจัยเหล่านี้จะทำให้มันฝรั่งเกิดจุดสีเขียวหรือเน่าเสียได้ อย่างบ้านเราที่อากาศร้อน แดดแรง จะวางไว้ในครัวก็ได้ แต่ต้องหาผ้าแห้งมาคลุมไว้ หรือเก็บไว้ในตู้เก็บของในห้องครัวที่แสงส่องไม่ถึง

นอกจากนี้ ต้องเก็บมันฝรั่งไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก และไม่เก็บใส่กล่องปิดฝามืดชิด ซึ่งมันฝรั่งส่วนใหญ่จะขายมาพร้อมถุงตาข่ายที่อากาศไหลผ่านได้อยู่แล้ว ก็สามารถนำไปวางแบบนั้นได้เลย

 
ห้ามล้างและหั่นก่อนเก็บเด็ดขาด

เมื่อมันฝรั่งถูกความชื้น จะทำให้อายุการเก็บรักษาสั้นลง และยังทำให้มันฝรั่งมีโอกาสเน่าเสียได้เร็วขึ้น ถ้ามีดินติดอยู่บนมันฝรั่ง ควรปล่อยให้ดินแห้ง จากนั้นจึงใช้แปรงแห้งๆ ปัดก้อนดินที่มองเห็นออก และล้างมันฝรั่งก่อนที่จะนำไปปรุงอาหารเท่านั้น

นอกจากนี้ ห้ามหั่นมันฝรั่งเป็นชิ้นๆ เก็บไว้ เพราะเนื้อมันฝรั่งที่ไม่มีเปลือกคลุมจะเก็บรักษาได้ไม่นานนักเมื่อเทียบกับผิวที่หนาๆ แต่ถ้าใช้มันฝรั่งที่หั่นแล้วให้หมดในคราวเดียวไม่ได้จริงๆ ให้นำไปแช่ในน้ำเย็นสูงประมาณ 1-2 นิ้ว ซึ่งจะช่วยให้เก็บไว้ได้อีกประมาณ 1 วันโดยไม่ทำให้ผิวสัมผัสหรือสีของมันฝรั่งเปลี่ยนไป
 

ใส่ตู้เย็นก็ทำได้ แต่…

หลายคนเก็บมันฝรั่งไว้ในตู้เย็นเพื่อรักษาอุณหภูมิให้เย็นเข้าไว้ ซึ่งก็เป็นอีกวิธีที่สามารถทำได้ แต่ต้องมั่นใจนะคะว่า ตู้เย็นนั้น มีอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส หรือถ้าจะให้ดีคือเก็บไว้ที่อุณหภูมิระหว่าง 2-4 องศาเซลเซียส อย่าให้เย็นไปกว่านี้ เพราะอุณหภูมิที่เย็นเกินไป อาจทำให้รสชาติเปลี่ยนไปค่ะ

 

เก็บแล้วต้องคอยดูแล

ไม่ควรเก็บลืมเด็ดขาด ฉะนั้น แม้จะเก็บในพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมดังที่บอกไปแล้ว ก็ควรหมั่นตรวจเช็คมันฝรั่งเป็นระยะๆ เพื่อหาสัญญาณการเน่าเสีย ไม่ว่าจะเป็นการเกิดจุดสีเขียวจางๆ บนผิว เนื้อที่จะเริ่มนิ่มๆ และดูเหี่ยวขึ้นกว่าเดิม รวมถึงมีรากงอก ให้ตัดส่วนที่เป็นจุดเขียวๆ และรากออกก่อนนำไปประกอบอาหารเสมอ