“คะน้า” อีกหนึ่งผักสร้างภูมิไม่ควรพลาด

อยากร่างกายแข็งแรงต้องกินผัก แต่กินผักชนิดไหนดีถึงจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ยิ่งในช่วงอากาศเปลี่ยน เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ไหนจะเชื้อโรคเชื้อไวรัสมากมาย KC Fresh หาข้อมูลมาให้แล้ว ว่า “คะน้า” คือหนึ่งในบรรดาผักที่มีคุณสมบัติช่วยสร้างภูมิคุ้มกันอีกชนิดที่คุณไม่ควรพลาด

ผักคะน้า จัดอยู่ในกลุ่มของ Kale มีชื่อเรียกเยอะพอตัว ไม่ว่าจะเป็น Chinese Broccoli, Chinese Kale หรืออย่างชาวจีนก็จะเรียกว่า "ไก่หลันไช่" ซึ่งคะน้าปลูกได้ในหลายพื้นที่ และยังปลูกได้ตลอดปี ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่จะหาคะน้ากินได้ตลอดทั้งปี เพราะซื้อง่าย ราคาไม่แพง แต่ก็อย่างที่รู้ๆ นะคะว่า ถ้าไปซื้อคะน้าตามตลาดสดละก็ต้องระวังเรื่องการปนเปื้อนของยาฆ่าแมลงด้วยนะคะ

สำหรับเหตุผลที่ว่าทำไมคะน้าจึงมีส่วนช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย นั่นก็เพราะ ในคะน้ามีวิตามินหลายชนิด รวมถึงแร่ธาตุสารอาหารอีกเพียบ เริ่มตั้งแต่ประโยชน์เบอร์หนึ่งเลยคือเรื่องการ  “เสริมภูมิคุ้มกัน” เพราะในคะน้ามีวิตามินเอและซีสูง จึงช่วยเพิ่มสารอาหารที่ดีต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย และลดโอกาสเกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อและโรคต่างๆ

ประโยชน์เรื่องถัดมาเกิดจากความที่มีวิตามินเอเพียบ นั่นคือกินคะน้าแล้วจะได้ “บำรุงสายตา”  เพราะในคะน้ามีเบต้าแคโรทีนที่สามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นวิตามินเอ จึงส่งผลดีต่อการบำรุงประสาทตาและการมองเห็น โดยมีผลวิจัยมาว่า ในคะน้ามีสารลูทีน (Lutein) สูง จึงช่วยลดความเสี่ยงโรคต้อกระจกลงถึง 20% และลูทีนยังไปช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในเซลล์ผิว การกินคะน้าจึงมีส่วน “บำรุงผิวพรรณ” ให้เรียบเนียนไร้ริ้วรอยแห่งวัยได้อีกทาง นอกจากนี้ ทั้งวิตามินเอและสารต้านอนุมูลอิสระ ยังมีคุณสมบัติเป็นสาร “ต้านการเกิดเซลล์มะเร็ง” โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

ประการต่อมาที่เราเชียร์ให้กินคะน้าก็เพราะว่า ในคะน้ามีแคลเซียมสูง จึงช่วย “สร้างความแข็งแรงให้กับกระดูก”  และยังมีไฟเบอร์ที่ “ช่วยเรื่องการขับถ่าย” พร้อมกันนี้ยังเปี่ยมไปด้วยโฟเลตและธาตุเหล็ก ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง ดังนั้นอาจพูดได้ว่า นอกจากคะน้าจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายแล้ว ยังช่วยบำรุงเลือดและลดความเสี่ยงภาวะโลหิตจางได้ด้วย

นอกจากประโยชน์ของคะน้าจะมีมากมายแล้ว ในเรื่องของความอร่อย กินให้อิ่มท้อง คะน้าก็เป็นตัวเลือกที่นักกินไม่ควรพลาด เพราะนำไปปรุงอาหารได้หลายเมนู ไม่ว่าจะเป็น คะน้าน้ำมันหอย  คะน้าหมูกรอบ ผัดซีอิ๊ว เมี่ยงคะน้า ยำก้านคะน้า ข้าวผัดคะน้า เป็นต้น แต่หากว่าซื้อมาเยอะเกินไป กินไม่หมดกินไม่ทันควรเก็บใส่ไว้ในกล่องหรือถุงพลาสติก มัดหรือปิดให้แน่นแล้วนำไปแช่ไว้ในช่องเก็บผักของตู้เย็น ซึ่งเป็นวิธีที่จะช่วยรักษาวิตามินในผักให้คงอยู่ได้มากที่สุด 

 

คุณค่าทางอาหาร ในปริมาณ  100  กรัม 

  • น้ำ  83%
  • พลังงาน  53  แคลลอรี่
  • โปรตีน  6.0  กรัม
  • ไขมัน  0.8  กรัม
  • คาร์โบไฮเดรท  9.0  กรัม
  • แคลเซี่ยม  249  มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส  93  มิลลิกรัม
  • เหล็ก  2.7  มิลลิกรัม
  • โซเดี่ยม  75  มิลลิกรัม
  • โปแตสเซี่ยม  378  มิลลิกรัม
  • วิตามิน  10,000  ไอ.ยู
  • ไธอะมิน  0.16  มิลลิกรัม
  • ไรโบฟลาริน  0.26  มิลลิกรัม
  • ไนอะซีน  2.1  มิลลิกรัม
  • กรดแอสคอบิค  186  กรัม